1 2 3 4 5 6 7 8 9

 

"ขิง" สมุนไพรยอดนิยมอย่างหนึ่งของคนไทย และนานาชาติ นำมาปรุงเป็นอาหารได้สารพัด ช่วยทำให้อาหารหอมชวนทาน ช่วยดับกลิ่นคาวในอาหาร นอกจากเป็นอาหารเลิศรสแล้ว ยังเป็นที่รู้จัดกันดีกว่าขิง ช่วยขับลม ช่วยย่อยอาหาร ช่วยขับเหงื่อ ขับน้ำนม

คนเอเชีย เช่น จีน ใช้ประโยชน์จากขิงมามากกว่า 2,000 ปี มีการใช้ขิงในยุโรปตอนเหนือมาเกือบ 1,000 ปี แต่เชื่อไหมว่า เจ้าขิง สมุนไพรที่ดีเลิศประเสริฐศรีนี้  เมื่อครั้งแรกถูกนำไปอเมริกาเมื่อกลางคริสต์ศตวรรษที่ 15 นั้น ขิงถูกลืมทิ้งไว้ในเรือ และในตอนนั้นคนอเมริกันใช้ขิงกันไม่เป็น

ปัจจุบัน ขิงเป็นสมุนไพรชนิดหนึ่งที่มีการศึกษาวิจัย และใช้ประโยชน์อย่างกว้างขวาง เช่น ทางด้านของการช่วยย่อยอาหาร ช่วยในด้านการไหลเวียนของโลหิต ช่วยลดความดัน ช่วยลดคลอเลสเตอรอล ช่วยลดการอักเสบ ช่วยแก้ปวด ช่วยแก้คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น นอกจากนี้ ยังพบว่า ขิงแห้งช่วยให้กระเพาะอาหารแข็งแรง ทั้งขิงสด และขิงแห้ง มีฤทธิ์ด้านการคลื่นไส้อาเจียน และในการศึกษาในห้องทดลอง พบว่า ขิงมีฤทธิ์แก้ปวด และต้านการอักเสบ ส่วนญี่ปุ่นมีการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับขิง พบว่า มีฤทธิ์บำรุงหัวใจ ลดความดันโลหิต ลดคลอเลสเตอรอล

ในตำรับยาทางอายุรเวท ยังมีการใช้ขิงในการลดการบวม และการอักเสบของตับ คนพื้นเมืองอินเดียทั่วไป ยังนิยมใช้น้ำคั้นจากกระเทียม รักษาอาการหอบหืด ทั้งยังมีการใช้ขิงผงแห้ง ละลายน้ำอุ่นที่หน้าผาก รักษาอาการปวดหัว

ประเทศไทยนับว่าโชคดี ที่เราสามารถปลูกขิงได้เอง มีขิงใช้ทั้งปี เป็นได้ทั้งอาหาร เป็นได้ทั้งยา ยิ่งใกล้หนาว ขิงดูเหมือนจะเป็นสิ่งจำเป็นต่อร่างกายมากขึ้น โดยเฉพาะผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีร่างกายอ่อนแอ มีความต้านทานต่ออากาศเย็นได้น้อย เดี๋ยวจะพลอยเป็นหวัด ไม่สบายไปในหน้าหนาว หรือคนที่มีโรคหอบหืดประจำตัว หน้าหนาวก็มักจะมีอาการกำเริบมากขึ้น จากข้อมูลการใช้ขิงของนานาชาติ ที่ได้กล่าวมา คงพอจะเป็นความภูมิใจ และมั่นใจให้กับคนไทยว่า ภูมิภาคของเรามีอะไรๆ ดีอยู่ใกล้ตัวนี่เอง

มารู้จักสรรพคุณของ มหาโอสถอันเก่าแก่ที่รู้จักกันดี ที่สามารถช่วยแก้ไข้หวัดได้เป็นอย่างดี และยังมีสรรพคุณอื่นๆ อีกหลายอย่างเลยที่เดียว

ขิง (ginger) จัดเป็นสมุนไพรและเครื่องเทศที่มีความสำคัญและเก่าแก่ชนิดหนึ่งของโลก มีหลักฐานการใช้มาช้านานกว่า 5,000 ปี มีการใช้อย่างกว้างขวางในประเทศอิยนเดียและจีนโบราณ ซึ่งก็ยังไม่มีใครชี้ชัดว่าระหว่าง 2 ประเทศนี้ใครใช้มาก่อนใคร มีบันทึกของหมอจีนชื่อเฉินหนง กล่าวกันว่าเฉินหนงเป็นนักชิมเพื่อแยกรสของพืชสมุนไพรไว้หลายร้อยชนิด ในตำราของเฉินหนงระบุว่าขิงเป็นสมุนไพรที่ใช้แก้หวัด แก้ไข้ แก้หนาวสั่น แก้บาดทะยัก แก้โรคเรื้อน และแพทย์จีนโบราณจัดขิงเป็นพืชรสเผ็ดอุ่น มีฤทธิ์แก้หวัดเย็น ขับเหงื่อบำรุงกระเพาะ แก้ปวดข้อ แก้ปัญหาเรื่องไต แก้อาการเคลื่อนไส้อาเจียน ลดโคเลสเตอรอลที่สะสมในตับ และหลอดเลือด ชาวบ้านของจีนจะรู้ดีว่าถ้าต้มขิงกับน้ำตาลอ้อย (หรือน้ำตาลทรายแดง) จะช่วยแก้หวัด ถ้าเอาขิงสดปิดที่ขมับทั้ง 2 ข้างจะช่วยแก้ปวดหัว และถ้าเอาขิงสดมาอมไว้ใต้ลิ้นจะช่วยแก้อาการกระวนกระวาย แก้เคลื่อนไส้อาเจียนได้ดี

ตำรับยาจาก ขิง
1.ขิงแก้หวัดแก้ไอ ใช้เหง้าขิงสดอายุ 11-12 เดือน ขนาดเท่าหัวแม่มือ หนักประมาณ 5 กรัม ทุบให้แตกแล้วต้ทเอาน้ำมาดื่ม ถ้ามีอาการไอร่วมด้วยก็อาจผสมน้ำผึ้งในน้ำขิงหรืออาจเหยาะเกลือลงในน้ำขิงเล็กน้อยหากมีอาการไอร่วมกับเสมหะเกลือจะทำให้ระคายคอและขับเสมหะที่ติดในลำคอออกมา จิบน้ำขิงบ่อยๆ แทนน้ำ รับรองอาการหวัดหายเป็นปลิดทิ้ง
2.ขิงแก้ท้องอืดท้องเฟ้อ จุก เสียดแน่น แก้ปวดท้อง นำขิง 30 กรัม ชงกับน้ำเดือด 500 มิลลิลิตร แช่ทิ้งไว้ 1 ชั่วโมง ดื่มครั้งละ 2 ช้อนโต๊ะ (60 มิลลิลิตร)
3.ขิงแก้ไอ ใช้เหง้าสดประมาณ 60 กรัม น้ำตาลทรายแดง 30 กรัม ใส่น้ำ 3 แก้ว นำไปต้มเคี่ยวให้เหลือครึ่งแก้ว แล้วจิบตอนอุ่นๆ หรือใช่ฝนกับมะนาวแทรกเกลือใช้กวาดคอหรือจิบบ่อยๆ
4.ทาปวดข้อ ใช้น้ำคั้นจากเหง้าสด ผสมกาวหนังวัว เคี่ยวให้ข้น นำไปพอกบริเวณที่ปวด หรือใช้เหง้าสดย่างไปตำ ผสมน้ำมันมะพร้าวใช้ทาบริเวณที่ปวด
5.แก้คลื่นไส้ อาเจียน ขิงสด 30 กรัมสับให้ละเอียดต้มดื่มขณะท้องว่าง
6.แก้ปวดประจำเดือน ขิงแห้ง 30 กรัม น้ำตาลอ้อย (หรือน้ำตาลทรายแดง) 30 กรัมต้มน้ำดื่ม
7.เด็กเป็นหวัดเย็น เอาขิงสดและรากฝอยต้นหอมตำรวมกัน เอาผ้าห่อคั้นเอาแต่น้ำทาที่คอ ฝ่ามือ ฝ่าเท้า หน้าอก และหลังของเด็ก
8.ผมร่วงหัวล้าน ใช้เหง้าสด นำไปผิงไฟให้อุ่นตำพอกบริเวณที่ผมร่วง วันละ 2 ครั้ง สัก 3 วัน ถ้าเห็นว่าดีขึ้นอาจใช้พอกต่อไปจนกว่าผมจะขึ้น

 

เรียบเรียงจากนิตยสารหมอชาวบ้าน

1 2 3 4 5 6 7 8 9